9
เกือบสองอาทิตย์แล้วที่ผมไม่ได้พูดคุยอะไรกับอาจารย์ชานยอล...
เขาไม่ได้หายไปไหน
ผมยังเจอเขาทุกครั้งที่มาสอนในคลาสแต่เมื่อหมดเวลาสอนเขาก็จะเดินออกจากห้องไปทันที
ไม่มีการเรียกให้ไปหาอย่างที่เขาเคยทำและเขาก็ไม่ได้ไปหาผมที่บาร์โฮสต์เหมือนอย่างที่เขาเคยไป
เขาทำเหมือนว่าผมไม่มีตัวตน
รวมไปถึงไอรีนที่หายตัวไปเช่นกัน
เธอเองก็ไม่ได้ไปที่บาร์โฮสต์เหมือนอย่างเคย
ตอนแรกผมคิดว่าเราอาจจะไม่เห็นกันแต่เมื่อผมไปถามหาความจริงจากพี่ลู่หานและพนักงานคนอื่นเขาก็ให้คำตอบเช่นเดียวกันคือไม่มีใครเห็นว่าเธอมาที่บาร์อีกเลยนับตั้งแต่คืนนั้น
มันเป็นเรื่องที่สร้างคำถามได้มากมาย อาจารย์ชานยอลเปลี่ยนไปตั้งแต่ที่เขาไปเจอผมอยู่กับไอรีน
และไอรีนก็หายไปนับตั้งแต่วันนั้นด้วยเหมือนกัน
แต่ผมก็ไม่สามารถที่จะถามหาคำตอบอะไรจากใครได้เลยแม้แต่คนเดียว
คงมีเพียงแต่อาจารย์ชานยอลเท่านั้นที่จะให้คำตอบกับผมได้ดีที่สุด
ผมเดินดุ่มๆ ตรงทางเดินโดยมีจุดมุ่งหมายคือห้องพักครูที่อยู่ชั้นสองของตึกคณะ
ตอนนี้เป็นเวลาเดียวกันกับที่อาจารย์ชานยอลเคยนัดให้ผมไปหาเขาหลังเลิกคลาสซึ่งภายในห้องไม่มีใครเลยนอกจากเขากับผม
ครั้งนี้ผมก็ภาวนาให้เป็นเช่นนั้นอีก
แล้วก็ขอให้เขาไม่หนีผมกลับไปเสียก่อน
ผมสูดหายใจลึกและนานเมื่อเดินมาถึงหน้าห้องพักครู
จู่ๆ หัวใจของผมก็เต้นแรงขึ้นมาดื้อๆ
เมื่อนึกถึงเขาที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ด้านหลังโต๊ะที่เขาใช้ทำงานนั่น
นึกถึงดวงตาคู่คมที่ใช้จับจ้องผมอยู่เสมอเหมือนอย่างทุกครั้งที่ผ่านมา
นึกถึงจูบของเขาที่มอบให้ในตอนที่เขาอุ้มผมขึ้นนั่งบนโต๊ะแล้วแทรกตัวเข้ามาที่หว่างขาของผม...
ประตูด้านหน้าถูกเปิดออกทั้งๆ
ที่ผมยังไม่ได้ทำอะไรกับมัน ผมสะดุ้งเมื่อภาพตรงหน้าปรากฎร่างของใครบางคน
โดยที่ไม่ต้องเงยหน้าขึ้นมองผมก็ได้กลิ่นตัวแสนคุ้นเคย
และเจ้าของของมันก็คือคนที่ผมตั้งใจมาหาในวันนี้
ผมเงยหน้าขึ้นและดูเหมือนว่าเขาเองก็กำลังมองผมอยู่ก่อนแล้วทำให้เราสบตากันโดยบังเอิญ
“อาจารย์...”
“...”
ผมเรียก
และหวังให้เขาตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงแหบทุ้มของเขา แต่อาจารย์ชานยอลกลับนิ่งเงียบ
นัยน์ตาของเขาราบเรียบไร้ซึ่งความรู้สึกใดๆ ทั้งสิ้นจนน่าประหลาด
เขาหลบหลีกไปอีกทางและกำลังจะเดินสวนออกไป ทำเหมือนว่าผมไม่มีตัวตนสำหรับเขา
ทำเหมือนว่าตอนนี้ไม่ได้มีผมยืนอยู่ตรงหน้าในตอนนี้
ไวกว่าความคิด
ผมขยับตัวไปขวางหน้าเอาไว้ก่อนที่ขายาวๆ จะก้าวพ้นขอบประตูออกไป “อาจารย์จะไปไหนครับ !?”
“...”
“อาจารย์ตั้งใจจะหลบหน้าผมไปถึงเมื่อไหร่
?”
เสียงของผมสั่นเมื่อถามคำถามนี้
ผมรู้ดีว่าเขาตั้งใจที่จะไม่คุย ไม่มองผมเหมือนอย่างเคย
มันผิดวิสัยจากที่เขาเคยทำมาตลอดทำไมผมจะไม่รู้... แต่อาจารย์ชานยอลกลับไม่ตอบคำถามอะไรเลย
เขาเลือกที่จะยกแขนขึ้นดูนาฬิกาที่ใส่มาในวันนี้เหมือนว่าต้องการให้ผมรับรู้ว่าผมกำลังจะทำให้เขาไปทำธุระสาย
ผมบอกไม่ถูกว่าตัวเองต้องรู้สึกยังไง
แต่ที่แน่ๆ
คือเขากำลังจงใจจะทำให้ผมคิดว่าเขากำลังรำคาญที่มายืนขวางทางเอาไว้แบบนี้
ซึ่งโดยส่วนตัวแล้วผมก็ไม่ชอบให้ใครมาเมินใส่หรือต้องง้อใครมากมายนัก... ผมจึงหลีกทางให้กับเขา...
ผมไม่คาดหวังให้เขาเดินเข้ามากอดหรือว่าดึงให้ผมเดินตามเขาไปพลอดรักกันเหมือนอย่างในนิยาย...
ไม่... ผมไม่ได้คาดหวังอย่างนั้น
ผมแค่อยากสัมผัสเขา
แค่นิ้วก้อยของผมได้เกี่ยวนิ้วของเขาเอาไว้เพียงเสี้ยววินาทีที่เขากำลังจะเดินผ่านไป...
แค่นั้นแหละ ผมพอใจแล้ว...
จิตใจของผมวูบโหวงเมื่อเขาเดินออกไปเหมือนไม่สามารถรับรู้ได้ถึงสัมผัสเล็กๆ
ที่ผมจงใจทำเมื่อสักครู่นี้
บางทีเขาอาจจะไม่ต้องการผมอีกแล้ว
แต่ด้วยเหตุผลอะไรนั่นคือสิ่งที่ผมสงสัย...
สิ่งหนึ่งที่ผมมั่นใจมาเสมอนั่นคือเขาไม่ได้ทำเพราะเพียงต้องการระบายความใคร่
เขาไม่ได้ตั้งใจมาในสถานะผู้บริโภคตั้งแต่แรก แต่เขาตั้งใจมาหา...
ผมไม่รู้ว่าเขารู้ได้อย่างไรว่าผมทำงานอยู่ที่นั่น แต่ที่แน่ๆ
คือเขาต้องการจะมาเจอผมแล้วเลือกให้ผมอยู่กับเขาในคืนนั้น แล้วเพราะอะไรกัน...
ทำไมตอนนี้อาจารย์ถึงได้กลายเป็นแบบนี้ไปได้
ผมหลับตาลงพบเจอกับความมืด พอๆ
กับคำตอบที่ผมพยายามค้นหาให้กับตัวเอง
อาจารย์ชานยอลอาจจะรับไม่ได้ที่เห็นผมทำงานในคืนนั้นคืนที่ผมอยู่กับไอรีน
เขาอาจจะตระหนักขึ้นมาได้ว่างานที่ผมทำมันไม่ต่างอะไรจากการเป็นโสเภณีเท่าไหร่นัก
ใช่แล้วล่ะ... ผมก็แค่คนที่ขายศักดิ์ศรีแลกกับเงิน
แม้ผมจะพยายามบอกกับตัวเองมาเสมอว่าต่อให้เรารักศักดิ์ศรีแล้วถนอมมันมากแค่ไหนสุดท้ายเมื่อเราตายไปก็ไม่มีใครจดจำหรือมาเชิดชูเราในฐานะที่สูงส่ง
แต่แล้วยก็ต้องมาแพ้ให้กับเรื่องของความรู้สึกมากกว่าอยู่ดี...
เหมือนกับที่ผมชอบเซฮุนมากๆ และไม่สามารถสานต่อความสัมพันธ์ใดๆ
ได้เพราะหน้าที่ที่เราต้องทำ
แล้วก็ได้แค่รู้สึกรักเพื่อต้อนรับความเสียใจที่จะตามมาทีหลัง...
“คุณไม่ควรยืนอยู่ตรงนี้เลยแบคฮยอน”
“...”
ผมหันไปหาเขา...
คนที่เพิ่งจะเดินผ่านผมไปเมื่อสักครู่นี้
ผมไม่รู้ว่าเขาหยุดเดินตั้งแต่เมื่อไหร่
อาจจะเป็นตอนที่ผมกำลังหลับตาลงแล้วมองเห็นความเป็นจริงที่ผมควรต้องทำใจยอมรับ
แต่ที่รู้ๆ คือตอนนี้เขากลับมายืนอยู่ตรงหน้าอีกครั้งและกำลังก้าวเท้าเข้ามาหา
เขาคลายปมเนคไทค์ออกแล้วปลดกระดุมเม็ดเสื้อเชิ้ตเม็ดบนสุดก่อนที่เขาจะก้าวมาระยะประชิดตัวแล้วจับมือผมไว้
“ผมพยายามจะปล่อยคุณไปแล้ว...”
“...”
“แต่คุณกลับดั้นด้นที่จะเข้าหาผมอีก”
“อะ... อาจารย์...”
ผมเรียกเขาเสียงเบาเมื่อเขาออกแรงกระชากเข้าหาจนร่างทั้งร่างเซถลาไปหาเขา
“คุณหมดโอกาสนั้นไปแล้วเด็กดื้อ”
“...”
“ผมจะไม่ปล่อยคุณไปไหนอีกแล้ว”
#เรื่องนี้ผมสอน
“อาจารย์... อือ...”
ผมครวญในลำคอเมื่อตัวถูกอุ้มขึ้นแล้ววางลงบนโต๊ะรับประทานที่อยู่กลางห้องในคอนโดของอาจารย์ชานยอล
เขาใจร้อนมากเกินกว่าที่จะให้การเดินทางมาที่นี่เป็นไปอย่างสงบ
ตลอดทางเขาเอาแต่กอบโกยสิ่งที่เขาถวิลหามาทั้งสองอาทิตย์จนริมฝีปากของผมคงจะบวมเจ่อเล็กน้อย
และเมื่อถึงห้องเขาก็เลือกที่จะกระชากเสื้อเชิ้ตนักศึกษาของผมจนขาดวิ่นแล้วดันร่างของผมเข้ามาจนถึงตรงนี้
และมือของเขาก็กำลังวุ่นวายกับเข็มขัดหนังแบรนด์ดังเพื่อจะกำจัดอุปสรรคในการถอดกางเกงออกไป
เสียงลมหายใจปะปนกับเสียงแหบครางทุ้มในลำคอเมื่อผมดันลิ้นของเขากลับแล้วสอดลิ้นตัวเองเข้าไปในปากเขาแทนแล้วเสนอตัวเป็นผู้ช่วยในการปลดตะขอกางเกงของเขาออกไปด้วย
เราต่อสู้กันทางปากจนสิ่งเกะกะที่เขาสวมเอาไว้หล่นไปกองที่ข้อเท้าเขาจึงถอนจูบออกไป
“เด็กดี... เอามันเข้าไปในปากของคุณสิ...”
เขาว่าพลางอุ้มผมลงจากโต๊ะ
ผมดูเหมือนเด็กน้อยตัวเบาโหวงที่เขาสามารถอุ้มลงมาได้อย่างง่ายดายก่อนที่ผมจะคุกเข่าลงตรงหน้าแล้วใช้มือประคองส่วนแข็งขืนนั่นเอาไว้
มือเรียวสวยที่ใครต่อใครต่างก็บอกว่าราวกับมือของหญิงสาวถูกใช้ชักรูดเบาๆ
ตั้งแต่โคนขึ้นมาจนสุดความยาวและริมฝีปากก็ครอบลงบนส่วนหัวที่มีหยาดน้ำสีใสปริ่มออกมาต้อนรับ
เสียงสูดปากดังขึ้นเมื่อปลายลิ้นผมเกี่ยวกระหวัดเข้ากับส่วนอ่อนไหวแล้วละเลงมันอย่างเอาอกเอาใจ
“อา... แบบนั้นแหละ...”
มือหนาวางลงบนศีรษะเมื่อนักศึกษาบยอนแบคฮยอนสามารถทำให้เขาถูกใจได้
ผมจำประสบการณ์การใช้ปากมาจากสาวๆ
ที่มาใช้บริการทั้งสิ้นเพราะผมไม่เคยมีอะไรกับผู้ชายเลยสักครั้ง
เธอมักจะเอาใจผมเป็นอย่างดีเนื่องจากว่าผมเป็นโฮสต์ที่มีความสามารถในการทำตัวน่ารักใส่จนเรียกรอยยิ้มได้ไม่หยุด
และนั่นทำให้ผมรู้ดีว่าเมื่อสิ่งแฉะชื้นสัมผัสกับส่วนหัวมันจะรู้สึกดีมากขนาดไหน
อาจารย์ใช้มือทั้งสองข้างประคองศีรษะของผมเอาไว้ไม่ให้ขยับได้ก่อนที่เขาจะเป็นฝ่ายที่ขยับสะโพกเสียเอง
ให้ผมได้ทำหน้าที่เพียงแค่ใช้ลิ้นบำเรอกามให้กับเขาเท่านั้น
ผมชิมรสชาติของอาจารย์ที่สวนเข้าออกอยู่ในปาก
เขาเข้ามาจนเกือบจะถึงช่วงลำคอคอและดึงออกไปเกือบหลุดจากปากจนบางทีผมก็ได้ยินเสียงเฉอะแฉะดังมาบ้าง
“เด็กดี... อา... เด็กดีของผม...”
เขาพร่ำรำพันเมื่อเร่งความถี่รัวมากขึ้น
ผมอดไม่ได้ที่จะซ้อนตาขึ้นมองใบหน้าของเขา
ผมอยากเห็นใบหน้าของอาจารย์ยามที่สุขสมเกินทน
แต่แล้วเขาก็หยุดการกระทำของตนเองแทบจะทันทีที่สบตากันเมื่อเขาเองก็ก้มมองมาก่อนอยู่แล้ว...
“อ๊ะ! อาจารย์จะทำอะ...
อย่านะครับ!” ผมดิ้นสุดแรงเพื่อปฏิเสธสิ่งที่เขากำลังจะทำเมื่อถูกดึงให้ลุกขึ้นยืน
จัดการถอดกางเกงให้จนเหลือเพียงร่างเปลือยเปล่าและโดนอุ้มให้ขึ้นไปนั่งบนโต๊ะอย่างเดิมอีกครั้งต่างกันที่อาจารย์จับขาทั้งสองข้างของผมให้ชันขึ้นแล้วถ่างมันออกจากกันส่วนเขาก็คุกเข่าลงกับพื้นจนใบหน้าอยู่ในระดับที่สายตาของเขาจะมองเห็นส่วนนั้นได้อย่างชัดเจน
“อะ...”
เสียงของผมติดขัดเช่นเดียวกับจังหวะการหายใจที่ขาดห้วงเมื่อลิ้นร้อนแตะลงบนเรียวขาช่วงบน
ปลายลิ้นลากยาวขึ้นมาจนเกือบจะถึงช่องทางด้านหลัง ผมพยายามจะหนีบขาเข้าด้วยความขลาดอาย
มันเป็นส่วนที่สกปรกผมไม่อยากให้เขาต้องทำอย่างนั้นให้
แต่ดูเหมือนว่าเขาจะไม่เห็นใจเมื่อเขาจับขาผมแยกออกจากกันอีกครั้งแล้วบดขยี้ต่อมความรู้สึกของผมด้วยลิ้นของเขา
“อ๊า !”
เรือนร่างแอ่นโค้งเมื่อลิ้นร้อนพยายามสอดแทรกเข้าไปในความคับแคบ
ความเปียกชื้นส่งผลให้มันเข้าไปได้และอาจารย์ก็ไม่รอช้าที่จะทรมานผมอย่างไม่ปราณีด้วยการใช้มือข้างหนึ่งชักรูดส่วนอ่อนไหวของผมที่มันแข็งชันตามความต้องการและสอดลิ้นเข้าออกอยู่อย่างนั้น
อาจารย์ชานยอลปรนเปรออย่างถึงอกถึงใจจนผมแทบจะกรีดร้อง
“อะ... อาจารย์ ผม... ผม...”
ร่างกายของผมเกร็งไปหมดรวมไปถึงปลายเท้าที่หงิกงอ
ผมกำลังจะสุขสมในอีกไม่กี่วินาทีข้างหน้านี้แน่ๆ
ถ้าหากว่าเขาไม่ปล่อยมือแล้วลุกขึ้นยืนเสียก่อน...
“ผมไม่ยอมให้คุณเสร็จก่อนหรอก”
“อาจารย์! อะ... อ๊ะ...!”
นิ้วยาวแทรกเข้ามา... เขาพยายามช่วยให้ผมสามารถรองรับความใหญ่โตของเขาได้โดยการใช้นิ้วช่วยเปิดทางให้ก่อน
เขาใช้น้ำลายที่เปียกแฉะก่อนหน้านี้แทนเจลหล่อลื่นที่เขาไม่ได้ซื้อมันติดมาด้วยเหมือนอย่างที่เคยบอกเอาไว้
และเพียงไม่กี่นาทีเขาก็ดึงมือกลับไปเพื่อประคองส่วนนั้นมาจ่อที่ช่องทางแล้วค่อยๆ
ดันมันเข้ามาในตัวของผม
เพียงแค่ส่วนหัวก็ถึงกับทำให้ผมหน้าเหยเก
มันเจ็บมากจริงๆ จนน้ำตาไหล
ผมไม่ได้สัมผัสถึงคำที่เคยได้ยินว่าครั้งแรกมักจะเจ็บเสมอ
แต่เมื่อมีครั้งต่อไปคุณจะชิน...
เพราะความจริงแล้วผมพบว่ามันจะเจ็บทุกครั้งนั่นแหละ...
เขาสูดปากดังซี้ดเมื่อผ่านพ้นส่วนหัวเข้ามาได้และกำลังจะแทรกตัวเข้ามาให้ลึกกว่านี้แต่เขาคงเห็นใจผมถึงได้ยื่นมือมาเช็ดน้ำตาที่ไหลมาอาบแก้มให้
“เจ็บงั้นเหรอ ?”
“อาจารย์ก็ลองให้ผมทำดูสิ...”
“เถียงได้แบบนี้แสดงว่าไม่เจ็บสินะ”
เขายิ้มมุมปากแบบที่ทำให้ผมใจเต้นทุกครั้งที่เห็น
เขามักจะทำสายตาแพรวพราวอย่างชายมากรักจนน่าหยิกด้วยความหมั่นเขี้ยว...
เขามันนักรักตัวร้ายจนผมอยากจะกัดแรงๆ สักทีเพราะความหมั่นไส้ล้วนๆ
เขาซ้อนตัวด้านบนผมขึ้นมาเพื่อให้มารับจูบแสนเอาแต่ใจของเขา
เขาบังคับให้ผมสอดลิ้นเข้าไปในปากด้วยการดูดมันแรงๆ
เขาชอบนักชอบหนากับการให้ผมได้เข้าเป็นนักกีฬาในพื้นที่ของเขาหลังจากนั้นก็เล่นงานอย่างหนักจนเหนื่อยแทบหอบกลับมาทุกครั้ง
ลิ้นของเขามันร้ายกาจ... มันแทบจะกระชากวิญญาณทุกครั้งที่มันเริ่มเข้ามาซุกซนที่ปากและตามร่างกายของผม
สะโพกหนั่นกระแทกเข้ามาไม่หยุดถึงแม้ว่าเขากำลังสนุกกับการแย่งลมหายใจของผมไปด้วยก็ตามที
เสียงหยาบโลนที่เกิดจากช่วงล่างกระทบกันดังก้องไปทั่วทั้งห้องแต่ถึงอย่างนั้นเสียงหนึ่งที่ดังฟังชัดที่สุดก็ยังคงเป็นเสียงครางของเรา...
เรื่องประหลาดอย่างหนึ่งที่เกิดขึ้นนั่นคือการที่ได้ยินเสียงครางของเขาผมก็ยิ่งอยากเอาชนะ
“ฮ่ะ...” อาจารย์ชานยอลหัวเราะเบาๆ
เมื่อขาเรียวทั้งสองเกี่ยวรอบเอวแล้วแขนก็โอบรอบคอเอาไว้แน่น
เขารู้ดีโดยที่ไม่ต้องให้ผมบอกอะไรเลย...
เขาซ้อนสะโพกผมขึ้นด้วยมือจนร่างทั้งร่างลอยขึ้นเหนือโต๊ะ
เขาเดินไปทางโซฟาตัวยาวที่ตั้งอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลจากเราทั้งคู่ก่อนที่เขาจะทิ้งตัวนั่งลงไปโดยมีผมนั่งอยู่บนตัวของเขาอีกที
ผมไม่รอช้าที่จะจูบเขาอีก
เป็นฝ่ายสอดแทรกลิ้นแสนซุกซนของตนเข้าไปในปากเขาเองแล้วดึงมือของตัวเองกลับมาใช้ในการปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตแสนเกะกะที่เขาสวมใส่ออกไปเสียให้พ้นทาง
ร่างกายของเราเปลือยเปล่าเสมอภาค
อาจารย์ชานยอลใช้มือที่ยังอยู่บนสะโพกของผมประคองมันไว้เพื่อให้ร่างผมยกขึ้นแล้วกดมันลงอีกครั้ง...
ความแข็งชันของเขาทำให้ผมแทบจะสำลักเมื่อมันเข้าไปลึกมากกว่าเดิมในท่าทางนี้
“แฮ่ก... อาจารย์...”
“เด็กดี...”
ริมฝีปากผมไล้ลงบนแผงอกกว้างแลบลิ้นเลียจุดป้านน้ำตาลเข้มแล้วดูดดุลเพื่อเอาใจเขาบ้าง
เขาจึงลูบศีรษะผมเป็นรางวัล เดิมทีเขาพยายามอ่อนโยนกับผมเพราะรู้ตัวเองดีว่าขนาดของเขามันคับแน่นขนาดไหนและมันยาวเกินกว่าที่ผมจะรองรับมันได้ทั้งหมด
แต่เมื่อถึงจุดจุดหนึ่งสติชัมปชัญญะที่เขาเคยควบคุมได้อาจจะแตกสลาย
เมื่อผมที่เป็นฝ่ายขึ้นเขาค่อยๆ
เคลื่อนตัวด้วยทำนองเชื่องช้า
เขาคงขัดใจนักถึงได้ผลักผมลงนอนกับโซฟาแล้วคว้าเสื้อเชิ้ตที่ผมเพิ่งจะถอดออกไปกลับมาอีกครั้ง
“อ๊ะ! อาจารย์จะทำอะไร...” ผมร้องถามเสียงดังเมื่อข้อมือของตัวเองถูกรวบมัดรวมกันไว้ทั้งสองข้าง
“อย่าขัดใจผม”
เขาพูดแค่นั้นและกระชากปมที่เขามัดไว้ให้มันแน่นหนาเพื่อจะมั่นใจได้ว่าผมจะไม่ทำมันคลายออกจากกัน
เขาจับตัวผมให้พลิกคว่ำแล้วประคองสะโพกของผมให้ลอยเด่นขึ้น
“คุณ... เป็นของผม...”
“อ๊ะ...!”
เขาเลื่อนหน้าเข้ามาที่บั้นท้ายจนผมสัมผัสได้ถึงลมหายใจอุ่นร้อนที่รินรดก่อนที่ลิ้นร้อนจะบรรเลงความสุขให้กับผมอีกครั้งจนผมครางเสียงสั่น
ลิ้นของเขากำลังจะทำให้ผมขาดอากาศหายใจ
ความเปียกแฉะที่เขาสร้างให้มันกำลังทำให้ผมอยากจะตะโกนร้องขอให้เขาเข้ามาในร่างกายของผมเสียทีก่อนที่ผมจะทนไม่ไหว
“เด็กดี...”
เขาพูดเสียงเบาแล้วหยัดตัวขึ้น สอดก้านนิ้วยาวเข้ามาแล้วควานหาบางสิ่งจากผม
“อะ... อาจารย์... อึก...”
“หืม...
คุณเรียกผมทำไมกัน ?”
เห็นมั้ย...
เขามันร้ายนัก
“อ๊า! อ๊ะ...!”
“อ่อ ตรงนี้สินะ”
ผมได้ยินเสียงเขาพูดแค่นั้นก่อนที่เขาจะชักนิ้วออกไปแล้วสอดแทรกดุ้นเนื้อร้อนเข้ามา
มันคับแน่นจนผมอยากจะกรี๊ด มันเข้ามาจนสุดในรวดเดียวจนผมน้ำตาไหลเพราะความซ่านเสียวและเขาก็ไม่ใจดีพอจะรอให้ผมได้ปรับตัวกับความใหญ่โตของเขาเลยแม้แต่วินาทีเดียว
เขาเย่ออย่างแรงจนผมหัวสั่นหัวคลอน
ส่วนหัวของมันกระทบเข้ากับจุดเสียวของผมอย่างพอดิบพอดี... มันเป็นตำแหน่งเดียวกันกับที่เขาใช้นิ้วควานหาจนเจอแล้วเปลี่ยนมาใช้อย่างอื่นในการกระแทกมันแทน
“คุณชอบมั้ย หืม ?”
“อะ... อะ...”
“บอกผมสิว่าคุณชอบมัน...”
เขากล่าวกระซิบ ริมฝีปากติดหูจนผมขนลุก “บอกสิว่าคุณเสียวขนาดไหน...”
“อาจารย์ อึก...”
ผมจิกเล็บเข้ากับมือตัวเองเมื่อมันไม่สามารถจิกหมอนที่ใช้รองอยู่ได้
มือของผมถูกรัดแน่นเกินกว่าจะดิ้นหลุดแล้วหาที่ระบายความเสียวซ่านนี่ออกไป
ราวกับว่าผมกำลังถูกกักขัง
แต่แปลกนักที่ผมกลับรู้สึกได้ถึงความสะอกสะใจที่ไม่สามารถดิ้นรนอะไรได้เลย
เขากระแทกเข้ามาอย่างสุดแรงจนตัวผมแทบจะไถล
แต่เพราะมือที่เขาบีบคั้นเอวบางเอาไว้ทำให้ไปไหนไม่ได้ เขาสวนเข้าออกถี่ยิบจนได้ยินเสียงสะโพกกระทบกับหน้าขาของเขาเสียงดังพอๆ
กับเสียงครางของผมในตอนนี้
ยิ่งนานเข้าจังหวะเขายิ่งถี่กระชั้น
มันรัวเร็วจนผมปากคอสั่น เสียงหอบประสานเสียงคราง...
กลิ่นเหงื่อของเขายิ่งทำให้บางสิ่งในร่างกายพลุกพล่านมากยิ่งขึ้น
ความต้องการของผมมาจ่อที่ปลายทางออกเสียงครวญก็ยิ่งดังขึ้น
ผมหันไปหาเขา เห็นใบหน้าคมคายชื้นเหงื่อของเขาและสายตาที่สอดประสานกัน
ผมอ้อนวอนขอเขาทางสายตา
ได้โปรด... อีกนิดเดียวเท่านั้น...
“แบคฮยอน... อา...”
“อาจารย์... อาจารย์...
อ๊า!”
ผมแผดเสียงและทิ้งตัวลงอย่างหมดเรี่ยวแรงส่วนอาจารย์ชานยอลก็ทิ้งตัวลงนอนทับอยู่บนร่างกายของผมอีกที
ถึงแม้เนื้อตัวของเราจะเปียกชื้นด้วยเหงื่อแต่ผมก็ไม่ได้รู้สึกอึดอัดอะไร
มันเป็นความรู้สึกดีที่ทุกครั้งหลังจากร่วมรักแล้วได้มาใช้เวลาที่แสนเหนอะหนะแบบนี้ร่วมกันสักพักหนึ่งแล้วค่อยแยกย้ายกันไปอาบน้ำ
สำหรับผมผมคิดว่ามันเป็นช่วงเวลาที่ดีชะมัด...
กลับไปอ่านต่อที่เว็บจ้า ยังไม่จบนะ https://writer.dek-d.com/dek-d/writer/viewlongc.php?id=1800748&chapter=10