วันจันทร์ที่ 4 มิถุนายน พ.ศ. 2561

LET ME TEACH บทเรียนที่ 9 : "ไม่ปล่อยให้ไป"


9

            เกือบสองอาทิตย์แล้วที่ผมไม่ได้พูดคุยอะไรกับอาจารย์ชานยอล...
            เขาไม่ได้หายไปไหน ผมยังเจอเขาทุกครั้งที่มาสอนในคลาสแต่เมื่อหมดเวลาสอนเขาก็จะเดินออกจากห้องไปทันที ไม่มีการเรียกให้ไปหาอย่างที่เขาเคยทำและเขาก็ไม่ได้ไปหาผมที่บาร์โฮสต์เหมือนอย่างที่เขาเคยไป
            เขาทำเหมือนว่าผมไม่มีตัวตน รวมไปถึงไอรีนที่หายตัวไปเช่นกัน
            เธอเองก็ไม่ได้ไปที่บาร์โฮสต์เหมือนอย่างเคย ตอนแรกผมคิดว่าเราอาจจะไม่เห็นกันแต่เมื่อผมไปถามหาความจริงจากพี่ลู่หานและพนักงานคนอื่นเขาก็ให้คำตอบเช่นเดียวกันคือไม่มีใครเห็นว่าเธอมาที่บาร์อีกเลยนับตั้งแต่คืนนั้น มันเป็นเรื่องที่สร้างคำถามได้มากมาย อาจารย์ชานยอลเปลี่ยนไปตั้งแต่ที่เขาไปเจอผมอยู่กับไอรีน และไอรีนก็หายไปนับตั้งแต่วันนั้นด้วยเหมือนกัน แต่ผมก็ไม่สามารถที่จะถามหาคำตอบอะไรจากใครได้เลยแม้แต่คนเดียว คงมีเพียงแต่อาจารย์ชานยอลเท่านั้นที่จะให้คำตอบกับผมได้ดีที่สุด
            ผมเดินดุ่มๆ ตรงทางเดินโดยมีจุดมุ่งหมายคือห้องพักครูที่อยู่ชั้นสองของตึกคณะ ตอนนี้เป็นเวลาเดียวกันกับที่อาจารย์ชานยอลเคยนัดให้ผมไปหาเขาหลังเลิกคลาสซึ่งภายในห้องไม่มีใครเลยนอกจากเขากับผม
            ครั้งนี้ผมก็ภาวนาให้เป็นเช่นนั้นอีก แล้วก็ขอให้เขาไม่หนีผมกลับไปเสียก่อน
            ผมสูดหายใจลึกและนานเมื่อเดินมาถึงหน้าห้องพักครู จู่ๆ หัวใจของผมก็เต้นแรงขึ้นมาดื้อๆ เมื่อนึกถึงเขาที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ด้านหลังโต๊ะที่เขาใช้ทำงานนั่น นึกถึงดวงตาคู่คมที่ใช้จับจ้องผมอยู่เสมอเหมือนอย่างทุกครั้งที่ผ่านมา นึกถึงจูบของเขาที่มอบให้ในตอนที่เขาอุ้มผมขึ้นนั่งบนโต๊ะแล้วแทรกตัวเข้ามาที่หว่างขาของผม...
            ประตูด้านหน้าถูกเปิดออกทั้งๆ ที่ผมยังไม่ได้ทำอะไรกับมัน ผมสะดุ้งเมื่อภาพตรงหน้าปรากฎร่างของใครบางคน โดยที่ไม่ต้องเงยหน้าขึ้นมองผมก็ได้กลิ่นตัวแสนคุ้นเคย และเจ้าของของมันก็คือคนที่ผมตั้งใจมาหาในวันนี้ ผมเงยหน้าขึ้นและดูเหมือนว่าเขาเองก็กำลังมองผมอยู่ก่อนแล้วทำให้เราสบตากันโดยบังเอิญ
            อาจารย์...
            ...
            ผมเรียก และหวังให้เขาตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงแหบทุ้มของเขา แต่อาจารย์ชานยอลกลับนิ่งเงียบ นัยน์ตาของเขาราบเรียบไร้ซึ่งความรู้สึกใดๆ ทั้งสิ้นจนน่าประหลาด เขาหลบหลีกไปอีกทางและกำลังจะเดินสวนออกไป ทำเหมือนว่าผมไม่มีตัวตนสำหรับเขา ทำเหมือนว่าตอนนี้ไม่ได้มีผมยืนอยู่ตรงหน้าในตอนนี้
            ไวกว่าความคิด ผมขยับตัวไปขวางหน้าเอาไว้ก่อนที่ขายาวๆ จะก้าวพ้นขอบประตูออกไป อาจารย์จะไปไหนครับ !?”
            ...
            อาจารย์ตั้งใจจะหลบหน้าผมไปถึงเมื่อไหร่ ?”
            เสียงของผมสั่นเมื่อถามคำถามนี้ ผมรู้ดีว่าเขาตั้งใจที่จะไม่คุย ไม่มองผมเหมือนอย่างเคย มันผิดวิสัยจากที่เขาเคยทำมาตลอดทำไมผมจะไม่รู้... แต่อาจารย์ชานยอลกลับไม่ตอบคำถามอะไรเลย เขาเลือกที่จะยกแขนขึ้นดูนาฬิกาที่ใส่มาในวันนี้เหมือนว่าต้องการให้ผมรับรู้ว่าผมกำลังจะทำให้เขาไปทำธุระสาย
            ผมบอกไม่ถูกว่าตัวเองต้องรู้สึกยังไง แต่ที่แน่ๆ คือเขากำลังจงใจจะทำให้ผมคิดว่าเขากำลังรำคาญที่มายืนขวางทางเอาไว้แบบนี้ ซึ่งโดยส่วนตัวแล้วผมก็ไม่ชอบให้ใครมาเมินใส่หรือต้องง้อใครมากมายนัก... ผมจึงหลีกทางให้กับเขา...
            ผมไม่คาดหวังให้เขาเดินเข้ามากอดหรือว่าดึงให้ผมเดินตามเขาไปพลอดรักกันเหมือนอย่างในนิยาย...
            ไม่... ผมไม่ได้คาดหวังอย่างนั้น ผมแค่อยากสัมผัสเขา
            แค่นิ้วก้อยของผมได้เกี่ยวนิ้วของเขาเอาไว้เพียงเสี้ยววินาทีที่เขากำลังจะเดินผ่านไป... แค่นั้นแหละ ผมพอใจแล้ว...
            จิตใจของผมวูบโหวงเมื่อเขาเดินออกไปเหมือนไม่สามารถรับรู้ได้ถึงสัมผัสเล็กๆ ที่ผมจงใจทำเมื่อสักครู่นี้
            บางทีเขาอาจจะไม่ต้องการผมอีกแล้ว แต่ด้วยเหตุผลอะไรนั่นคือสิ่งที่ผมสงสัย...
            สิ่งหนึ่งที่ผมมั่นใจมาเสมอนั่นคือเขาไม่ได้ทำเพราะเพียงต้องการระบายความใคร่ เขาไม่ได้ตั้งใจมาในสถานะผู้บริโภคตั้งแต่แรก แต่เขาตั้งใจมาหา... ผมไม่รู้ว่าเขารู้ได้อย่างไรว่าผมทำงานอยู่ที่นั่น แต่ที่แน่ๆ คือเขาต้องการจะมาเจอผมแล้วเลือกให้ผมอยู่กับเขาในคืนนั้น แล้วเพราะอะไรกัน... ทำไมตอนนี้อาจารย์ถึงได้กลายเป็นแบบนี้ไปได้
            ผมหลับตาลงพบเจอกับความมืด พอๆ กับคำตอบที่ผมพยายามค้นหาให้กับตัวเอง อาจารย์ชานยอลอาจจะรับไม่ได้ที่เห็นผมทำงานในคืนนั้นคืนที่ผมอยู่กับไอรีน เขาอาจจะตระหนักขึ้นมาได้ว่างานที่ผมทำมันไม่ต่างอะไรจากการเป็นโสเภณีเท่าไหร่นัก
            ใช่แล้วล่ะ... ผมก็แค่คนที่ขายศักดิ์ศรีแลกกับเงิน แม้ผมจะพยายามบอกกับตัวเองมาเสมอว่าต่อให้เรารักศักดิ์ศรีแล้วถนอมมันมากแค่ไหนสุดท้ายเมื่อเราตายไปก็ไม่มีใครจดจำหรือมาเชิดชูเราในฐานะที่สูงส่ง แต่แล้วยก็ต้องมาแพ้ให้กับเรื่องของความรู้สึกมากกว่าอยู่ดี...
            เหมือนกับที่ผมชอบเซฮุนมากๆ และไม่สามารถสานต่อความสัมพันธ์ใดๆ ได้เพราะหน้าที่ที่เราต้องทำ
            แล้วก็ได้แค่รู้สึกรักเพื่อต้อนรับความเสียใจที่จะตามมาทีหลัง...

                       
            คุณไม่ควรยืนอยู่ตรงนี้เลยแบคฮยอน
          ...
            ผมหันไปหาเขา... คนที่เพิ่งจะเดินผ่านผมไปเมื่อสักครู่นี้
            ผมไม่รู้ว่าเขาหยุดเดินตั้งแต่เมื่อไหร่ อาจจะเป็นตอนที่ผมกำลังหลับตาลงแล้วมองเห็นความเป็นจริงที่ผมควรต้องทำใจยอมรับ แต่ที่รู้ๆ คือตอนนี้เขากลับมายืนอยู่ตรงหน้าอีกครั้งและกำลังก้าวเท้าเข้ามาหา
            เขาคลายปมเนคไทค์ออกแล้วปลดกระดุมเม็ดเสื้อเชิ้ตเม็ดบนสุดก่อนที่เขาจะก้าวมาระยะประชิดตัวแล้วจับมือผมไว้
            ผมพยายามจะปล่อยคุณไปแล้ว...
            ...
            แต่คุณกลับดั้นด้นที่จะเข้าหาผมอีก
            อะ... อาจารย์...ผมเรียกเขาเสียงเบาเมื่อเขาออกแรงกระชากเข้าหาจนร่างทั้งร่างเซถลาไปหาเขา
            คุณหมดโอกาสนั้นไปแล้วเด็กดื้อ
            ...
            ผมจะไม่ปล่อยคุณไปไหนอีกแล้ว




#เรื่องนี้ผมสอน



            อาจารย์... อือ...
            ผมครวญในลำคอเมื่อตัวถูกอุ้มขึ้นแล้ววางลงบนโต๊ะรับประทานที่อยู่กลางห้องในคอนโดของอาจารย์ชานยอล เขาใจร้อนมากเกินกว่าที่จะให้การเดินทางมาที่นี่เป็นไปอย่างสงบ ตลอดทางเขาเอาแต่กอบโกยสิ่งที่เขาถวิลหามาทั้งสองอาทิตย์จนริมฝีปากของผมคงจะบวมเจ่อเล็กน้อย และเมื่อถึงห้องเขาก็เลือกที่จะกระชากเสื้อเชิ้ตนักศึกษาของผมจนขาดวิ่นแล้วดันร่างของผมเข้ามาจนถึงตรงนี้ และมือของเขาก็กำลังวุ่นวายกับเข็มขัดหนังแบรนด์ดังเพื่อจะกำจัดอุปสรรคในการถอดกางเกงออกไป
            เสียงลมหายใจปะปนกับเสียงแหบครางทุ้มในลำคอเมื่อผมดันลิ้นของเขากลับแล้วสอดลิ้นตัวเองเข้าไปในปากเขาแทนแล้วเสนอตัวเป็นผู้ช่วยในการปลดตะขอกางเกงของเขาออกไปด้วย เราต่อสู้กันทางปากจนสิ่งเกะกะที่เขาสวมเอาไว้หล่นไปกองที่ข้อเท้าเขาจึงถอนจูบออกไป
            เด็กดี... เอามันเข้าไปในปากของคุณสิ...
            เขาว่าพลางอุ้มผมลงจากโต๊ะ ผมดูเหมือนเด็กน้อยตัวเบาโหวงที่เขาสามารถอุ้มลงมาได้อย่างง่ายดายก่อนที่ผมจะคุกเข่าลงตรงหน้าแล้วใช้มือประคองส่วนแข็งขืนนั่นเอาไว้ มือเรียวสวยที่ใครต่อใครต่างก็บอกว่าราวกับมือของหญิงสาวถูกใช้ชักรูดเบาๆ ตั้งแต่โคนขึ้นมาจนสุดความยาวและริมฝีปากก็ครอบลงบนส่วนหัวที่มีหยาดน้ำสีใสปริ่มออกมาต้อนรับ เสียงสูดปากดังขึ้นเมื่อปลายลิ้นผมเกี่ยวกระหวัดเข้ากับส่วนอ่อนไหวแล้วละเลงมันอย่างเอาอกเอาใจ
            อา... แบบนั้นแหละ...
            มือหนาวางลงบนศีรษะเมื่อนักศึกษาบยอนแบคฮยอนสามารถทำให้เขาถูกใจได้ ผมจำประสบการณ์การใช้ปากมาจากสาวๆ ที่มาใช้บริการทั้งสิ้นเพราะผมไม่เคยมีอะไรกับผู้ชายเลยสักครั้ง เธอมักจะเอาใจผมเป็นอย่างดีเนื่องจากว่าผมเป็นโฮสต์ที่มีความสามารถในการทำตัวน่ารักใส่จนเรียกรอยยิ้มได้ไม่หยุด
            และนั่นทำให้ผมรู้ดีว่าเมื่อสิ่งแฉะชื้นสัมผัสกับส่วนหัวมันจะรู้สึกดีมากขนาดไหน
            อาจารย์ใช้มือทั้งสองข้างประคองศีรษะของผมเอาไว้ไม่ให้ขยับได้ก่อนที่เขาจะเป็นฝ่ายที่ขยับสะโพกเสียเอง ให้ผมได้ทำหน้าที่เพียงแค่ใช้ลิ้นบำเรอกามให้กับเขาเท่านั้น
            ผมชิมรสชาติของอาจารย์ที่สวนเข้าออกอยู่ในปาก เขาเข้ามาจนเกือบจะถึงช่วงลำคอคอและดึงออกไปเกือบหลุดจากปากจนบางทีผมก็ได้ยินเสียงเฉอะแฉะดังมาบ้าง
            เด็กดี... อา... เด็กดีของผม...
            เขาพร่ำรำพันเมื่อเร่งความถี่รัวมากขึ้น ผมอดไม่ได้ที่จะซ้อนตาขึ้นมองใบหน้าของเขา ผมอยากเห็นใบหน้าของอาจารย์ยามที่สุขสมเกินทน แต่แล้วเขาก็หยุดการกระทำของตนเองแทบจะทันทีที่สบตากันเมื่อเขาเองก็ก้มมองมาก่อนอยู่แล้ว...
            อ๊ะ! อาจารย์จะทำอะ... อย่านะครับ!” ผมดิ้นสุดแรงเพื่อปฏิเสธสิ่งที่เขากำลังจะทำเมื่อถูกดึงให้ลุกขึ้นยืน จัดการถอดกางเกงให้จนเหลือเพียงร่างเปลือยเปล่าและโดนอุ้มให้ขึ้นไปนั่งบนโต๊ะอย่างเดิมอีกครั้งต่างกันที่อาจารย์จับขาทั้งสองข้างของผมให้ชันขึ้นแล้วถ่างมันออกจากกันส่วนเขาก็คุกเข่าลงกับพื้นจนใบหน้าอยู่ในระดับที่สายตาของเขาจะมองเห็นส่วนนั้นได้อย่างชัดเจน
            อะ...
            เสียงของผมติดขัดเช่นเดียวกับจังหวะการหายใจที่ขาดห้วงเมื่อลิ้นร้อนแตะลงบนเรียวขาช่วงบน ปลายลิ้นลากยาวขึ้นมาจนเกือบจะถึงช่องทางด้านหลัง ผมพยายามจะหนีบขาเข้าด้วยความขลาดอาย มันเป็นส่วนที่สกปรกผมไม่อยากให้เขาต้องทำอย่างนั้นให้ แต่ดูเหมือนว่าเขาจะไม่เห็นใจเมื่อเขาจับขาผมแยกออกจากกันอีกครั้งแล้วบดขยี้ต่อมความรู้สึกของผมด้วยลิ้นของเขา
            อ๊า !”
            เรือนร่างแอ่นโค้งเมื่อลิ้นร้อนพยายามสอดแทรกเข้าไปในความคับแคบ ความเปียกชื้นส่งผลให้มันเข้าไปได้และอาจารย์ก็ไม่รอช้าที่จะทรมานผมอย่างไม่ปราณีด้วยการใช้มือข้างหนึ่งชักรูดส่วนอ่อนไหวของผมที่มันแข็งชันตามความต้องการและสอดลิ้นเข้าออกอยู่อย่างนั้น อาจารย์ชานยอลปรนเปรออย่างถึงอกถึงใจจนผมแทบจะกรีดร้อง
            อะ... อาจารย์ ผม... ผม...
            ร่างกายของผมเกร็งไปหมดรวมไปถึงปลายเท้าที่หงิกงอ ผมกำลังจะสุขสมในอีกไม่กี่วินาทีข้างหน้านี้แน่ๆ
            ถ้าหากว่าเขาไม่ปล่อยมือแล้วลุกขึ้นยืนเสียก่อน...
            ผมไม่ยอมให้คุณเสร็จก่อนหรอก
            อาจารย์! อะ... อ๊ะ...!”
            นิ้วยาวแทรกเข้ามา... เขาพยายามช่วยให้ผมสามารถรองรับความใหญ่โตของเขาได้โดยการใช้นิ้วช่วยเปิดทางให้ก่อน เขาใช้น้ำลายที่เปียกแฉะก่อนหน้านี้แทนเจลหล่อลื่นที่เขาไม่ได้ซื้อมันติดมาด้วยเหมือนอย่างที่เคยบอกเอาไว้ และเพียงไม่กี่นาทีเขาก็ดึงมือกลับไปเพื่อประคองส่วนนั้นมาจ่อที่ช่องทางแล้วค่อยๆ ดันมันเข้ามาในตัวของผม
            เพียงแค่ส่วนหัวก็ถึงกับทำให้ผมหน้าเหยเก มันเจ็บมากจริงๆ จนน้ำตาไหล ผมไม่ได้สัมผัสถึงคำที่เคยได้ยินว่าครั้งแรกมักจะเจ็บเสมอ แต่เมื่อมีครั้งต่อไปคุณจะชิน... เพราะความจริงแล้วผมพบว่ามันจะเจ็บทุกครั้งนั่นแหละ...
            เขาสูดปากดังซี้ดเมื่อผ่านพ้นส่วนหัวเข้ามาได้และกำลังจะแทรกตัวเข้ามาให้ลึกกว่านี้แต่เขาคงเห็นใจผมถึงได้ยื่นมือมาเช็ดน้ำตาที่ไหลมาอาบแก้มให้
            เจ็บงั้นเหรอ ?”
            อาจารย์ก็ลองให้ผมทำดูสิ...
            เถียงได้แบบนี้แสดงว่าไม่เจ็บสินะ
            เขายิ้มมุมปากแบบที่ทำให้ผมใจเต้นทุกครั้งที่เห็น เขามักจะทำสายตาแพรวพราวอย่างชายมากรักจนน่าหยิกด้วยความหมั่นเขี้ยว... เขามันนักรักตัวร้ายจนผมอยากจะกัดแรงๆ สักทีเพราะความหมั่นไส้ล้วนๆ
            เขาซ้อนตัวด้านบนผมขึ้นมาเพื่อให้มารับจูบแสนเอาแต่ใจของเขา เขาบังคับให้ผมสอดลิ้นเข้าไปในปากด้วยการดูดมันแรงๆ เขาชอบนักชอบหนากับการให้ผมได้เข้าเป็นนักกีฬาในพื้นที่ของเขาหลังจากนั้นก็เล่นงานอย่างหนักจนเหนื่อยแทบหอบกลับมาทุกครั้ง ลิ้นของเขามันร้ายกาจ... มันแทบจะกระชากวิญญาณทุกครั้งที่มันเริ่มเข้ามาซุกซนที่ปากและตามร่างกายของผม
            สะโพกหนั่นกระแทกเข้ามาไม่หยุดถึงแม้ว่าเขากำลังสนุกกับการแย่งลมหายใจของผมไปด้วยก็ตามที เสียงหยาบโลนที่เกิดจากช่วงล่างกระทบกันดังก้องไปทั่วทั้งห้องแต่ถึงอย่างนั้นเสียงหนึ่งที่ดังฟังชัดที่สุดก็ยังคงเป็นเสียงครางของเรา... เรื่องประหลาดอย่างหนึ่งที่เกิดขึ้นนั่นคือการที่ได้ยินเสียงครางของเขาผมก็ยิ่งอยากเอาชนะ
            ฮ่ะ...อาจารย์ชานยอลหัวเราะเบาๆ เมื่อขาเรียวทั้งสองเกี่ยวรอบเอวแล้วแขนก็โอบรอบคอเอาไว้แน่น เขารู้ดีโดยที่ไม่ต้องให้ผมบอกอะไรเลย...
            เขาซ้อนสะโพกผมขึ้นด้วยมือจนร่างทั้งร่างลอยขึ้นเหนือโต๊ะ เขาเดินไปทางโซฟาตัวยาวที่ตั้งอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลจากเราทั้งคู่ก่อนที่เขาจะทิ้งตัวนั่งลงไปโดยมีผมนั่งอยู่บนตัวของเขาอีกที ผมไม่รอช้าที่จะจูบเขาอีก เป็นฝ่ายสอดแทรกลิ้นแสนซุกซนของตนเข้าไปในปากเขาเองแล้วดึงมือของตัวเองกลับมาใช้ในการปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตแสนเกะกะที่เขาสวมใส่ออกไปเสียให้พ้นทาง
            ร่างกายของเราเปลือยเปล่าเสมอภาค อาจารย์ชานยอลใช้มือที่ยังอยู่บนสะโพกของผมประคองมันไว้เพื่อให้ร่างผมยกขึ้นแล้วกดมันลงอีกครั้ง... ความแข็งชันของเขาทำให้ผมแทบจะสำลักเมื่อมันเข้าไปลึกมากกว่าเดิมในท่าทางนี้
            แฮ่ก... อาจารย์...
            เด็กดี...
            ริมฝีปากผมไล้ลงบนแผงอกกว้างแลบลิ้นเลียจุดป้านน้ำตาลเข้มแล้วดูดดุลเพื่อเอาใจเขาบ้าง เขาจึงลูบศีรษะผมเป็นรางวัล เดิมทีเขาพยายามอ่อนโยนกับผมเพราะรู้ตัวเองดีว่าขนาดของเขามันคับแน่นขนาดไหนและมันยาวเกินกว่าที่ผมจะรองรับมันได้ทั้งหมด แต่เมื่อถึงจุดจุดหนึ่งสติชัมปชัญญะที่เขาเคยควบคุมได้อาจจะแตกสลาย
            เมื่อผมที่เป็นฝ่ายขึ้นเขาค่อยๆ เคลื่อนตัวด้วยทำนองเชื่องช้า เขาคงขัดใจนักถึงได้ผลักผมลงนอนกับโซฟาแล้วคว้าเสื้อเชิ้ตที่ผมเพิ่งจะถอดออกไปกลับมาอีกครั้ง
            อ๊ะ! อาจารย์จะทำอะไร... ผมร้องถามเสียงดังเมื่อข้อมือของตัวเองถูกรวบมัดรวมกันไว้ทั้งสองข้าง
            อย่าขัดใจผม
            เขาพูดแค่นั้นและกระชากปมที่เขามัดไว้ให้มันแน่นหนาเพื่อจะมั่นใจได้ว่าผมจะไม่ทำมันคลายออกจากกัน เขาจับตัวผมให้พลิกคว่ำแล้วประคองสะโพกของผมให้ลอยเด่นขึ้น
            คุณ... เป็นของผม...
            อ๊ะ...!”
            เขาเลื่อนหน้าเข้ามาที่บั้นท้ายจนผมสัมผัสได้ถึงลมหายใจอุ่นร้อนที่รินรดก่อนที่ลิ้นร้อนจะบรรเลงความสุขให้กับผมอีกครั้งจนผมครางเสียงสั่น ลิ้นของเขากำลังจะทำให้ผมขาดอากาศหายใจ ความเปียกแฉะที่เขาสร้างให้มันกำลังทำให้ผมอยากจะตะโกนร้องขอให้เขาเข้ามาในร่างกายของผมเสียทีก่อนที่ผมจะทนไม่ไหว
            เด็กดี... เขาพูดเสียงเบาแล้วหยัดตัวขึ้น สอดก้านนิ้วยาวเข้ามาแล้วควานหาบางสิ่งจากผม
            อะ... อาจารย์... อึก...
            หืม... คุณเรียกผมทำไมกัน ?”
            เห็นมั้ย... เขามันร้ายนัก        
          อ๊า! อ๊ะ...!”
            อ่อ ตรงนี้สินะ
            ผมได้ยินเสียงเขาพูดแค่นั้นก่อนที่เขาจะชักนิ้วออกไปแล้วสอดแทรกดุ้นเนื้อร้อนเข้ามา มันคับแน่นจนผมอยากจะกรี๊ด มันเข้ามาจนสุดในรวดเดียวจนผมน้ำตาไหลเพราะความซ่านเสียวและเขาก็ไม่ใจดีพอจะรอให้ผมได้ปรับตัวกับความใหญ่โตของเขาเลยแม้แต่วินาทีเดียว
            เขาเย่ออย่างแรงจนผมหัวสั่นหัวคลอน ส่วนหัวของมันกระทบเข้ากับจุดเสียวของผมอย่างพอดิบพอดี... มันเป็นตำแหน่งเดียวกันกับที่เขาใช้นิ้วควานหาจนเจอแล้วเปลี่ยนมาใช้อย่างอื่นในการกระแทกมันแทน
            คุณชอบมั้ย หืม ?”
            อะ... อะ...
            บอกผมสิว่าคุณชอบมัน...เขากล่าวกระซิบ ริมฝีปากติดหูจนผมขนลุก บอกสิว่าคุณเสียวขนาดไหน...
            อาจารย์ อึก...
            ผมจิกเล็บเข้ากับมือตัวเองเมื่อมันไม่สามารถจิกหมอนที่ใช้รองอยู่ได้ มือของผมถูกรัดแน่นเกินกว่าจะดิ้นหลุดแล้วหาที่ระบายความเสียวซ่านนี่ออกไป
            ราวกับว่าผมกำลังถูกกักขัง แต่แปลกนักที่ผมกลับรู้สึกได้ถึงความสะอกสะใจที่ไม่สามารถดิ้นรนอะไรได้เลย
            เขากระแทกเข้ามาอย่างสุดแรงจนตัวผมแทบจะไถล แต่เพราะมือที่เขาบีบคั้นเอวบางเอาไว้ทำให้ไปไหนไม่ได้ เขาสวนเข้าออกถี่ยิบจนได้ยินเสียงสะโพกกระทบกับหน้าขาของเขาเสียงดังพอๆ กับเสียงครางของผมในตอนนี้
            ยิ่งนานเข้าจังหวะเขายิ่งถี่กระชั้น มันรัวเร็วจนผมปากคอสั่น เสียงหอบประสานเสียงคราง... กลิ่นเหงื่อของเขายิ่งทำให้บางสิ่งในร่างกายพลุกพล่านมากยิ่งขึ้น
            ความต้องการของผมมาจ่อที่ปลายทางออกเสียงครวญก็ยิ่งดังขึ้น ผมหันไปหาเขา เห็นใบหน้าคมคายชื้นเหงื่อของเขาและสายตาที่สอดประสานกัน ผมอ้อนวอนขอเขาทางสายตา
            ได้โปรด... อีกนิดเดียวเท่านั้น...
            แบคฮยอน... อา...
            อาจารย์... อาจารย์... อ๊า!”
            ผมแผดเสียงและทิ้งตัวลงอย่างหมดเรี่ยวแรงส่วนอาจารย์ชานยอลก็ทิ้งตัวลงนอนทับอยู่บนร่างกายของผมอีกที ถึงแม้เนื้อตัวของเราจะเปียกชื้นด้วยเหงื่อแต่ผมก็ไม่ได้รู้สึกอึดอัดอะไร มันเป็นความรู้สึกดีที่ทุกครั้งหลังจากร่วมรักแล้วได้มาใช้เวลาที่แสนเหนอะหนะแบบนี้ร่วมกันสักพักหนึ่งแล้วค่อยแยกย้ายกันไปอาบน้ำ
          สำหรับผมผมคิดว่ามันเป็นช่วงเวลาที่ดีชะมัด...






          กลับไปอ่านต่อที่เว็บจ้า ยังไม่จบนะ https://writer.dek-d.com/dek-d/writer/viewlongc.php?id=1800748&chapter=10

วันเสาร์ที่ 19 พฤษภาคม พ.ศ. 2561

LET ME TEACH บทเรียนที่ 7 : "เด็กดีของผม..."


          ขอให้อาจารย์ชานยอลเสพสุขกับนักศึกษาของตัวเองให้เต็มที่นะครับ
          คำพูดของเขา... เซฮุนที่ยืนฉีกยิ้มอยู่ตรงหน้าผมกับอาจารย์ทำให้ผมอยากจะลุกขึ้นแล้วเดินไปจากสถานการณ์บ้าๆ แบบนี้ หากแต่เมื่อผมพยายามจะแกะมือออก อาจารย์ชานยอลกลับยิ่งรัดตัวผมมากกว่าเดิมจนแผ่นหลังของผมชนกับแผงอกกว้าง ผมหันไปมองเสี้ยวหน้าเขาเพราะต้องการจะเอาเรื่องแต่เมื่อเห็นแววตานิ่งสนิทที่เขาใช้จ้องกลับเซฮุนมันทำให้ผมกลืนน้ำลายอึกใหญ่
            ไม่รู้ว่าเซฮุนหรืออาจารย์ที่จะปะทุก่อนกันแน่...
            ต่อให้คุณไม่พูด ผมก็ตั้งใจจะทำอยู่แล้ว อาจารย์พูดเสียงเรียบ หากแต่มือของเขากลับกำมือผมเอาไว้แน่น เชิญสิ... ผมไม่ได้ต้องการให้คุณมาเสนอหน้าอยู่ตรงนี้หรอกนะ
            เมื่ออาจารย์ชานยอลพูดจบเซฮุนก็แค่นยิ้มให้ผมอีกครั้งก่อนที่จะเดินออกไปจนหายลับไปจากสายตาของผม... แย่ชะมัด เราไม่ควรจะมาทะเลาะกันหลังจากที่เพิ่งสารภาพรักกันสิ หากสมหวังก็ควรยิ้มสุขสม หากว่าโศกเศร้าก็ไม่ควรลงเอยด้วยการแตกหักแบบนี้ไม่ใช่หรือไง หรืออย่างน้อยเราก็ควรให้เวลากันและกันเพื่อจะได้ปรับตัวมาเป็นอย่างเดิมได้ ไม่ใช่แบบนี้... มันไม่ควรจะจบลงแบบนี้...
            ผมแกะมือปลาหมึกของอาจารย์หนุ่มออกไปได้เมื่อเซฮุนเดินออกไปแล้ว เหมือนเขาเองก็จงใจจะคลายมันออก
            อาจารย์ทำแบบนี้ทำไม !?”
            ผมทำอะไรผิดล่ะแบคฮยอน...เขาพูดและหันไปสั่งเครื่องดื่มกับบาร์เทนเดอร์ที่เดินมาทางเราพอดี น้ำเปล่ากับมอสโกมิวล์ครับ
            ผมกำลังจะเดินหนีเขาไปได้อยู่แล้ว!”
            เดินหนีไปหลังจากที่เขาพูดจาดูถูกคุณไว้งั้นเหรอ ?”
            ...
            คุณไม่คิดจะปกป้องศักดิ์ศรีของตัวเองเลยหรือไง ?”
            ที่เซฮุนพูด... มันก็ถูกไม่ใช่เหรอครับ ?”
            ...
            ผมไปห้องคุณ อยู่กับคุณ เกิดเรื่องบ้าๆ จนแม้แต่คุณเองก็ยังดูถูกผม แถมยังจูบกันโดยที่ผมก็ไม่ได้ขัดขืน... ทั้งๆ ที่ผมเป็นลูกศิษย์ของคุณ
            ผมพูดและย้ายก้นไปนั่งอยู่บนเก้าอี้ข้างๆ เขาเพื่อจะได้ไม่ต้องยืนจนเมื่อยเพราะผมคิดว่าเราคงได้คุยกันอีกยาว การที่เขามาบาร์โฮสต์และตรงดิ่งมาหาขนาดนี้ผมก็มั่นใจแล้วล่ะว่าคืนนี้เขาคงตั้งใจจะมาหาผมมากกว่าหาเด็กโฮสต์คนอื่นแน่ๆ
            อาจารย์ยกแขนทั้งสองข้างขึ้นวางบนบาร์ เขาประสานมือกันไว้ใต้คางแล้วหันมามองทางผมที่นั่งหมุนเก้าอี้ไปหาเขาเข้าพอดี
            คุณเข้าใจอะไรผิดหรือเปล่าแบคฮยอน...อาจารย์เอ่ยพลางยกแก้วทรงสูงที่บรรจุเครื่องดื่มแอลกอฮอล์สีขาวข้นที่เขาสั่งมาเมื่อสักครู่แล้วส่งแก้วน้ำเปล่ามาให้กับผม ผมรู้ว่าคุณไม่ได้เป็นคนที่มีความคิดเด็กน้อยอย่างใครหลายๆ คน หรือพยายามทำตัวใสซื่อหรอกนะ
            ...
            ผมไม่เคยมีความสัมพันธ์เชิงชู้สาวแบบนี้กับนักศึกษาของตัวเอง
            อาจารย์จะบอกว่าทั้งหมดเป็นเรื่องที่ตั้งใจให้เกิดขึ้นงั้นเหรอครับ
            คุณคิดว่าไง... เขาดื่มอีกครั้งจนมันเหลือเพียงครึ่งแก้วและวางลงกับโต๊ะ เด็กดี... มีอะไรที่ผมต้องอธิบายเพิ่มเติมอีกงั้นหรือ ?”
            ปลายนิ้วของเขาวางบนขอบแก้ว... ผมมองเห็นมันด้วยหางตาและกลับมาสบตากับเขาอีกครั้ง... เขาผู้เป็นเจ้าของนัยน์ตาสีรัตติกาล... เขาผู้ควบคุมสติสัมปชัญญะของผมได้โดยสิ้นเชิง... เขาแลบลิ้นออกเลียริมฝีปากตนเองก่อนที่จะยกแก้วขึ้นดื่มอีกครั้ง และผมเห็นว่าของเหลวสีขาวนั่นเปื้อนที่ปลายคางของเขา
            โดยตั้งใจ...
            มานี่สิ... แบคฮยอน...
            อาจารย์...
            ทำความสะอาดให้ผมที
            ผมลุกขึ้นจากเก้าอี้แล้วเดินไปหาก่อนจะทิ้งตัวนั่งลงบนตักของเขา คล้องแขนไว้กับท้ายทอยของเขาและเอนเอียงใบหน้าให้ได้องศา... ใบหน้าของเราเคลื่อนเขาหากัน แต่ริมฝีปากของผมไม่ได้จบลงที่ปากเขา ผมแลบลิ้นเรียวเล็กออกมาและเลือกเลียตรงส่วนนั้น... ที่เปื้อนของเหลวสีขาวข้น ผมได้ยินเสียงหัวเราะในลำคอและใบหน้าของผมก็เชิดขึ้นเมื่อมือหนาเชยคางผมขึ้นไป เขาบังคับให้ผมสบตากับเขาด้วยความร้อนที่พวยพุ่งอยู่ในความดำมืดในนัยน์ตาคู่นั้นที่ผมหลงไหลมันตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้เชยชม
            คุณไม่ได้เมาใช่มั้ย ?”
            ไม่... ผมยังไม่ได้ดื่ม... แต่กำลังจะดื่ม
            ผมถือวิสาสะยื่นมือไปคว้าแก้วแอลกอฮอล์ที่เหลือเพียงครึ่งมาดื่มต่อหน้าเขาและจงใจให้ของเหลวเหล่านั้นเอ่อล้นจากปากไหลลงมาเปรอะเปื้อนที่ช่วงลำคอและหน้าอกที่อยู่ภายใต้เสื้อเชิ้ตที่ผมสวมมาทำงานวันนี้
            อา... หกหมดเลยทำแสร้งทำเสียดายพลางซ้อนตาขึ้นมองเขาที่จ้องมองผมตาไม่กระพริบ ทำความสะอาดให้บ้างสิครับอาจารย์... เลียให้ผมหน่อย
            หึ... เขาหัวเราะหึเบาๆ พอให้ผมได้ยินก่อนที่จะรั้งแผ่นหลังของผมให้แนบสนิทกับตัวเขา ใบหน้าคมคายที่ใครต่อใครต่างก็หลงใหลซุกลงกับซอกคอของผม หัวใจผมเต้นถี่รัวเมื่อลมหายใจอุ่นร้อนรินรดที่หลังใบหู เขาหอบหายใจแรงเสียใจผมตัวสั่น และส่วนแข็งขืนของเขาที่ทำให้ผมได้รับรู้ถึงความรู้สึกของเขาอย่างไม่ปิดบัง เขาพ่นลมหายใจออกมาเบาๆ และกระซิบที่ข้างหู คุณรู้ว่าเขามองคุณอยู่
            ...
            ดื่มกับผมสิ แล้วผมจะพาคุณออกไป...        
            อาจารย์จะมอมผมเหรอ ?”
            เปล่า ผมให้คุณมอมตัวเอง
            เขาแลบลิ้นออกมาแล้วเลียทำความสะอาดแอลกอฮอล์ที่เปรอะเปื้อน เขาลากลิ้นยาวลงมาตั้งแต่หลังใบหูจนถึงแอ่งหลุมตรงกลางที่ช่วงล่างคอของผมทั้งที่สายตายังคงซ้อนมองอยู่ ผมหลับตาสนิทพลางปล่อยเสียงน่าอายออกมาเมื่อเขาบดขยี้ปลายลิ้นที่แอ่งหลุมนั้น เล็บผมจิกลงบนแขนของเขา ขนกายลุกชันโดยไม่ตั้งใจ
            อะ... อาจารย์...
            ผมเผยอปากหลุดเสียงน่าอายออกมาอย่างห้ามไม่อยู่ ลิ้นของเขาช่างทำความสะอาดได้ดีเหลือใจเมื่อมันไล้เลียไปตามตำแหน่งที่น้ำพวกนั้นไหลลงสู่ร่างกายของผม อา... อาจารย์ชานยอล...
            เขามองคุณอยู่...
            ทำให้มากกว่านี้สิครับ... อ๊ะ !”           
            คุณเสนอเองนะ
            ผมร้องอย่างตกใจเมื่อกำลังจะหงายหลัง แต่อาจารย์กลับคว้าเอาไว้และยกขาของผมขึ้นมาข้างหนึ่งเพื่อย้ายมันไปอีกฝั่งให้ผมนั่งคร่อมอยู่บนตักของเขา... มันไม่ใช่เรื่องน่าอายอะไรที่เราจะจูบหรือทำอะไรกันที่ไม่เลยเถิดมากจนเกินไปในสถานที่แบบนี้ และอาจารย์ชานยอลก็คงรู้ดีเขาถึงได้รั้งใบหน้าของผมเข้าไปหาเขาและบดขยี้จูบมาอย่างร้อนแรง
            แขนแกร่งโอบรอบเอวผมเอาไว้ ดึงรั้งให้ร่างกายของเราแนบชิดพอๆ กับริมฝีปากของเราที่ประกบกันสนิทและเขาก็รุกล้ำเข้ามาในปากของผมด้วยลิ้นของเขา เป็นอีกครั้งที่เราสัมผัสกันด้วยเรียวลิ้นที่มีกลิ่นมอสโกมิวล์และรสชาติขมอมหวานของมันปะปนมาด้วย เราเชื่อมต่อกันด้วยสัมผัสร้อนชื้น ผมหลับตาสนิท... ภาพของเซฮุนเลือนหายไปจากสมอง สิ่งที่รู้สึกและรับรู้ได้มีเพียงสัมผัสของเขา กลิ่นของเขาและรสชาติของเขา... รสชาติของอาจารย์ที่ผมต้องการซ้ำแล้วซ้ำอีกจนต้องเป็นฝ่ายจูบเขาเองเมื่อเขาผละออกไปเพื่อเว้นจังหวะให้ผมหายใจ
            อาจารย์ชานยอล... รสชาติดีชะมัด...
            สะโพกของผมเคลื่อนไปมาบนหน้าตักของเขา จงใจกดมันลงบนความเป็นชายที่แข็งตัวอยู่ใต้กางเกงจนรู้สึกได้ ผมจงใจบดมันและขยี้ให้ความต้องการของเขามันเกินขีดจำกัดที่จะควบคุมได้
            ผมต้องการให้ใครบางคนสติแตกจนเดินเข้ามากระชากเราออกจากกัน แต่อีกใจหนึ่งผมกลับต้องการให้สัมผัสในตอนนี้ยังคงอยู่ต่อไปเรื่อยๆ
            เรายอมผละออกจากกันเมื่อต่างฝ่ายต่างก็ใกล้หมดลมหายใจที่เราช่วงชิงกันไปมา ผมก้มหน้าลง ซุกลงกับแผงอกกว้างของเขา เขา... เขาไม่มา...
            ผมรู้...
            แต่เขายังอยู่ตรงนั้นใช่มั้ยครับ
            อืม... ไม่ได้หนีไปไหนเลย
            เหอะ ผมพ่นลมหายใจออกมาพลางหลับตาลงระงับความรู้สึกของตัวเองที่ทั้งผิดหวังและต้องการ... ตอนนี้ผมไม่มีอารมณ์จะทำอะไรต่อทั้งนั้นจึงลุกออกจากตักของอาจารย์ชานยอลแล้วดึงเก้าอี้มาใกล้ๆ กับเขา อาจารย์รู้หน้าที่ดี... เขาสั่งเครื่องดื่มแอลกอฮอล์มาต่อเมื่อเราหยุดพักความต้องการเอาไว้เพียงเท่านั้น เขาคงรู้ว่าผมเองก็หมดอารมณ์ไปแล้ว
            ผมเลี้ยงคุณเอง เขาวางแบงค์ห้าหมื่นวอนไว้บนโต๊ะหนึ่งใบ และทับมันด้วยแก้วช็อตที่บาร์เทนเดอร์เอามาวางไว้ให้ ทำตามหน้าที่สิ
            หนึ่งช็อตต่อหนึ่งใบเหรอครับ
            กี่ใบก็ได้ ที่คุณไหว
ฮ่ะ... วันนี้คุณได้กลับบ้านกระเป๋าตังค์เปล่าแน่อาจารย์
ผมหัวเราะราวกับตอนนี้กำลังอารมณ์ดีมากจนเห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องตลก ผมยกแก้วช็อตขึ้นมาแล้วดื่มรวดเดียวจนหมด ความร้อนของมันแผดเผาลำคอของผมแต่ก็ทนเก็บอาการเอาไว้ไม่ให้ออกมาทางสีหน้า ไม่งั้นผมคงดูอ่อนหัดไปทันที ผมหันไปยิ้มให้เขา ยกแก้วที่ว่างเปล่าขึ้นตรงหน้าแล้วคว่ำแก้วลงให้เขาเห็นว่ามันเหลือเพียงความว่างเปล่า
อาจารย์ชานยอลหัวเราะเบาๆ ในลำคอและสั่งเครื่องดื่มแอลกอฮอล์หลากหลายอย่างจนวางเรียงรายเป็นแถวอยู่ตั้งแต่หน้าเขายาวไปถึงสุดช่วงแขนของผมและใต้แก้วช็อตทุกใบก็มีแบงค์ห้าหมื่นวอนวางไว้เช่นเดิม เขาจงใจสั่งเครื่องดื่มทุกชนิดตรงหน้านี้มาให้ผมดื่มโดยแท้ แต่ในมือเขากลับมีเพียงสแนควีนอม ( Snake venom ) เพียงขวดเดียวเท่านั้น
เอาเถอะ เบียร์ในมือของเขาชนะขาดรอยถ้าเทียบกับค็อกเทลทั้งหมดที่วางเรียงรายตั้งแต่หัวแถวยันท้ายแถว เพราะเห็นว่าขวดมันสวยดีผมถึงได้เคยลองถามบาร์เทนเดอร์ดูว่ามันคืออะไรและได้รู้ว่ามันเป็นเบียร์นำเข้าจากอังกฤษมีระดับแอลกอฮอล์สูงที่สุดในโลกถึง 67.5%
บอกตรงๆ ถ้าเป็นผมครึ่งขวดก็ขอลาขาด...
อาจารย์ชานยอลยื่นมันมาหาผม และผมเองก็ยื่นแก้วช็อตไปหาเขา ขวดเบียร์ของเขากับแก้วช็อตของผมกระทบกันเป็นอันเปิดศึกแห่งศักดิ์ศรี
ถ้าคุณเมา... ผมจะไม่ปราณีคุณเลยแบคฮยอน...




#เรื่องนี้ผมสอน

           


            ห้าแสนห้าหมื่นวอนของโผมมม ฮ่าๆ
            ผมหัวเราะร่วนพลางโบกสะบัดแบงค์ห้าหมื่นวอนจำนวน 11 ใบในมืออย่างคนมีความสุข ผมพยายามกระเดือกช็อตที่ 11 ลงคอจนสำเร็จถึงแม้ว่าตอนนั้นจะรู้ตัวเองดีว่าเริ่มเห็นอาจารย์ชานยอลเป็นมนุษย์คนหนึ่งที่มีสี่หัวแล้วก็ตาม แต่ผมจะไม่ยอมแพ้ เงินจำนวน 550,000 วอนใช่ว่าจะหาง่ายๆ ภายในคืนเดียวเสียที่ไหนกันล่ะ
            อาจารย์ชานยอลเองก็มีสภาพไม่ค่อยต่างกันนักเมื่อเขาเล่นกินเบียร์ชนิดที่ว่าล้างผลาญ เขากินไปครึ่งต่อครึ่ง ผมกิน 11 ช็อต ส่วนเขากินไป 5 ขวด... พระเจ้า คอเขามันทำมาจากเหล็กไหลหรือไงผมอยากจะรู้นัก แต่มีอย่างหนึ่งที่ต่างกันคือเขาเมาแล้วโคตรจะเงียบขรึมส่วนผมก็หัวเราะเป็นบ้าเป็นหลังชนิดที่ว่าเห็นมดตกโต๊ะผมยังหัวเราะ ผมเมาแล้วอารมณ์ดีคูณสี่ แต่ลึกๆ ก็รู้สันดานตัวเองดีว่าถ้าเมาจนแทบขาดสติแล้วจะมีความรู้สึกยังไงตามมาด้วย
            ผมเดินโซซัดโซเซออกมาจากบาร์โฮสต์กับอาจารย์ที่กำลังเดินพาผมไปที่รถของเขา ถึงแม้ว่าเสียงเพลงภายในบาร์จะดังออกมาถึงข้างนอก แต่ประสาทการรับรู้ของผมก็ช่างทำงานได้ดีจนได้ยินเสียงฝีเท้าของใครบางคนที่เดินตามเรามาติดๆ ก่อนที่จะอยู่ในระยะประชิดและกระชากแขนผมเอาไว้จนเซถลา
            เขาคนนั้นไม่ใช่เซฮุน แต่เป็นพี่ลู่หาน...
            ผมไม่อนุญาตให้คุณพาแบคฮยอนไปพี่ลู่หานพูดเสียงนิ่งเรียบเหมือนอย่างทุกครั้งที่มีลูกค้าผู้ชายเข้ามาเกาะแกะผมจนเกินไป แต่หนนี้คนที่ผมจะไปด้วยเขาไม่ใช่คนแปลกหน้าที่ไหน แต่เป็นอาจารย์ของผมนี่... ถ้าผมจะไปด้วยก็คงไม่มีเหตุผลอะไรมาขัดได้มากนักหรอกในเมื่อเขาเป็นอาจารย์ของผมและเขาก็กำลังจะพาผมขึ้นรถไปต่อหน้าต่อหน้าเซฮุนที่ยืนพิงเสาสูบบุหรี่อยู่หน้าประตูในตอนนี้
            พี่ลู่หาน... นี่อาจารย์ของผมเอง อึก! เดี๋ยวเขาไปส่งผมที่ห้องครับ
            เดี๋ยวพี่ไปส่งนายเองก็ได้
            ไม่เป็นไรครับ หอเขาเป็นทางผ่านพอดี อาจารย์ชานยอลเสนอขึ้นมา และพี่ลู่หานก็ทำการแสกนเขาผ่านทางสายตาทันที โชคดีนักที่อาจารย์ไม่ได้แต่งตัวมาในลุคแบดบอยหรือป๋าจ๋าที่ใส่เสื้อลายดอกแล้วมีพุงห้อย แต่เขามาในชุดเสื้อเชิ้ตสีขาวกับกางเกงสแล็คที่เหมือนแค่ถอดเสื้อสูทออกหลังจากเลิกสอนแค่นั้น
            ด้วยความที่เขาไม่ได้แสดงอาการใดๆ ออกมาให้น่าหวาดระแวงหรือไม่น่าไว้ใจพี่ลู่หานจึงถอนหายใจออกมาและเคาะศีรษะผมไปที
            เจ้าตัวแสบเอ้ย เมาจนไม่รู้เรื่องรู้ราว... ถ้ายังไงผมฝากอาจารย์ดูแลให้ด้วยนะครับ
            ครับ
            อาจารย์ชานยอลรับปากและประคองผมไปขึ้นรถของเขา เขาให้ผมไปนอนที่เบาะด้านหลังแล้วที่จัดท่านอนเหยียดยาวของผมจนเรียบร้อยแล้วจึงเดินไปขึ้นทางฝั่งคนขับ รถของเขาเคลื่อนตัวออกจากที่ทำงานของผมสู่ท้องถนน... ผมรู้อยู่แก่ใจว่าเขาคงไม่พาผมไปส่งที่หอแน่ๆ แต่ผมก็ไม่มีปัญญาจะดื้อรั้นอะไรจึงได้แต่นอนมองเงินในมือไปพลางๆ แล้วคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย
            แต่ความคิดของคนเมามันจะมีสักกี่เรื่องให้ได้คิดกันล่ะ...
            ผมเอาแต่คิดถึงฉากเร่าร้อนของเราหลายครั้งที่เกือบจะเลยเถิด เห็นแต่ภาพของเขาจูบกับผมวนลูปอยู่แบบนั้นจนรู้สึกถึงบางสิ่งบางอย่างของตัวเองที่ตื่นตัวขึ้น ผมยันตัวเองขึ้นเล็กน้อยแล้วมองมันที่กำลังแข็งตัวจนตั้งขึ้นเพราะมีอารมณ์
            หากผมจะขอให้อาจารย์เป็นเมียชั่วคราวของผมเขาก็คงไม่ยินยอมแน่ๆ ใช่มั้ย...
            ผมพยายามลุกขึ้นนั่งด้วยความทุลักทุเลเพราะรถที่กำลังหักเข้าทางโค้ง เมื่อนั่งสำเร็จผมก็เสนอหน้าผ่านระหว่างกลางเบาะไปหาเขาที่กำลังใช้สมาธิในการขับรถให้ตรงแม้จะมีเอนเอียงไปบ้างตามประสาคนเมาก็ตาม
            อาจารย์... อาจารย์ครับ...
            ลุกขึ้นมาทำไม
            อาจารย์... ผมเมาอ่ะ...
            ผมรู้แล้ว
            ผมมีอารมณ์อ่ะอาจารย์ ทำให้ผมหน่อย
            หืม... คุณจะให้ผมทำอะไร ?”
            เขาเอนศีรษะมาหาผมที่ยื่นหน้าเข้าไปใกล้ๆ เขา ผมจงใจเป่าลมร้อนๆ ใส่ข้างหูของเขา วางมือลงบนขาของเขาที่กำลังแตะเบรกรถเมื่อผมเริ่มจะทำลายสมาธิของเขา จงใจลูบไล้มันเบาๆ จนเกือบจะถึงช่วงนั้นของเขาที่แข็งตัวไม่ต่างกันนัก
            มันใหญ่จัง...
            ไปนั่งเฉยๆ น่า ผมขับรถอยู่
            อาจารย์ทำให้ผมหน่อยสิครับ... นะ...
            แบคฮยอน...
            ผมถอนมือออกมาจากเขาแล้วจัดการรูดซิปกางเกงของตัวเองลงเมื่อจะถอดมันไปให้พ้นๆ ทาง ผมรู้ดีว่าตัวเองกำลังทำอะไร ไม่มีคนเมาที่ไหนจะเมาจนขาดสติ เมาจนไม่รู้ว่าตัวเองกำลังทำอะไรอยู่ แต่แค่ความกระดากอายกับการยั้งคิดมันจะทำงานช้ากว่าปกติแค่นั้นเอง อย่างเช่นตอนนี้ที่ผมจัดการตัวเองจนเหลือแค่เสื้อเชิ้ตเพียงตัวเดียวบนร่างกาย
            ใช่... แค่ตัวเดียว เพราะแม้แต่กางเกงในผมก็ถอดมันออกแล้วโยนไปข้างหน้าเรียบร้อยแล้ว
            ให้ตายเถอะ... คุณมันตัวแสบ
            หาที่จอดเร็วสิอาจารย์ ฮ่าๆ ผมหัวเราะเมื่อเห็นท่าทางหัวเสียของเขาเมื่อกางเกงในมันดันไปจบชีวิตลงที่พวงมาลัยพอดิบพอดี ผมเอนตัวพิงเบาะ จับส่วนที่ตั้งชันของตัวเองแล้วรูดรั้งขึ้นลงด้วยมือของผม จินตนาการถึงเซ็กส์ของผมกับลูกค้าสาวสวยที่เคยมาใช้บริการ
            อา...ผมปล่อยเสียงครางอย่างลืมตัว ทำเหมือนกำลังหายใจอยู่คนเดียวบนรถคันนี้ที่กำลังขับไปนอกเส้นทางและเป็นทางเปลี่ยว
            ผมยกขาทั้งสองข้างขึ้นชันบนเบาะยาว ขยับมือขึ้นลงอย่างรวดเร็วด้วยความซ่านเสียวกับสัมผัสของตัวเองและจินตนาการที่แสนหรรษา ทว่ากลับมีใครบางคนมาหยุดมันเอาไว้ด้วยการกระชากขาของผมลงจากเบาะเมื่อรถจอดสนิทตรงที่ไหนสักแห่งที่มืดสนิท เห็นเพียงแต่ต้นไม้ และพงหญ้าลึกจากแสงไฟหน้ารถที่สาดส่อง
            ผมหัวเราะคิกคักเมื่อลืมตาขึ้นแล้วเห็นสีหน้าตึงเครียดของอาจารย์ชานยอล
            มานี่เขาสั่งเสียงเข้มและผมก็ไม่รอช้าที่จะปฏิบัติตามคำสั่งอย่างนักศึกษาผู้ภักดิ์ดี
            ผมปีนไปหาเขาที่เบาะหน้า จัดการขึ้นคร่อมเขาที่กำลังปรับเบาะให้เอนลงนอนมากกว่าเดิมเพื่อไม่ให้ศีรษะของผมกระแทกด้านบน เขาไม่รีรอที่จะบีบคั้นสะโพกของผมอย่างแรงเพราะหมั่นเขี้ยวกับความแสบของผมที่ทำให้เขาแทบสติแตกกับภาพที่ผมกำลังช่วยตัวเองจากด้านหลัง
            ผมคงเซ็กซี่เป็นบ้าในสภาพเสื้อเชิ้ตตัวเดียวกับเนื้อตัวที่ขึ้นสีแดงระเรื่อเพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์โดยแท้
            คุณยั่วผมหรือไง
            ไม่... ผมแค่อยากให้อาจารย์ช่วยผม...
            คุณทำให้ผมมีอารมณ์เขาใช้มือของเขารั้งศีรษะเข้าไปหา บีบบังคับให้ริมฝีปากผมกดลงบนปากเขา และผมที่กำลังมีอารมณ์ไม่ต่างกันก็ไม่รอเลยที่จะสอดลิ้นเข้าไปก่อน ผมใช้ลิ้นปลุกเร้าเขาให้ตื่นตัว มอบความหวานที่เขาชอบนักชอบหนาผ่านทางลิ้นของผม จงใจที่จะลากลิ้นออกมาที่ขอบปากของเขาจนของเหลวสีใสเปื้อนอยู่ตรงนั้น และผมก็ทำความสะอาดให้เขาเองด้วยการเลียมันออกไป
            คุณ...อาจารย์ชานยอลพูดได้เพียงแค่นั้นเมื่อผมปิดปากเขาด้วยการจูบอีกครั้ง มือของผมวุ่นวายกับกระดุมเสื้อของเขา พยายามจะปลดมันออกในสภาพดี แต่ด้วยความเมาและความต้องการมันประสานกันมันทำให้การปลดกระดุมกลายเป็นเรื่องยากจนน่าหงุดหงิด ผมจึงกระชากมันออกจากกันทันทีเพื่อตัดปัญหา
            ผมจงใจเคลื่อนสะโพกบดขยี้ความเป็นชายของเขาอีกครั้ง ของเขามันแข็งมากกว่าตอนที่อยู่ในร้านเป็นเท่าตัว และเมื่อผมสัมผัสได้ผมก็ยิ่งกระสันอยากให้เขาช่วยผมสักที...
            อาจารย์... ผมถอนจูบออกมา แม้จะต้องการมากถึงเพียงใดแต่ผมก็ไม่เคยมีประสบการณ์เรื่องอย่างว่ากับผู้ชาย ครั้นจะให้เขาใช้แค่มือช่วยผมก็ดูเหมือนจะไม่สะอกสะใจอะไรเท่าไหร่ ผมไม่เคย...
            มันจะเจ็บมาก...
            คุณทำให้ผมกลัว
            แต่ถ้ามันเข้าไปในตัวคุณได้เมื่อไหร่...เขาพูดเสียงแผ่ว กดศีรษะของผมเข้าหาเขาและจับมือของผมให้ลงไปจัดการกับกางเกงของเขาที่มันกำลังทำให้เขาอึดอัดเหลือเกินในตอนนี้ มันจะคุ้มค่ากับการที่คุณยอมเจ็บตัว
            ผมจะเสร็จหรือเปล่า ?”
            กี่รอบก็ตามแต่ใจคุณเลย
            อะ... อาจารย์... ใจเย็นสิผมบอกเสียงสั่นเมื่อเขายกสะโพกตัวเองขึ้นเพื่อจะถอดกางเกงพร้อมกางเกงในของเขาให้ไปกองอยู่ที่ข้อเท้าจนผมรู้สึกได้ว่าสะโพกของตัวเองกำลังทับอยู่บนท่อนเนื้อแข็งตัว ผมขนลุกชัน ความปรารถนาของตัวเองเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัวเมื่อเขาจับมันแล้วนำส่วนหัวมาจ่อที่ช่องทางด้านหลังของผม
            โทษที แต่ผมไม่มีอารมณ์จะมาเล้าโลมอะไรแล้ว
            อ๊ะ... เดี๋ยวๆผมร้องเสียงหลงเมื่อเขาถุยน้ำลายลงบนมือตัวเองแล้วนำมันมาป้ายที่ส่วนนั้นของผม มันไม่ต่างอะไรจากตอนที่ผมใช้มันแทนเจลหล่อลื่นเมื่อต้องมีอะไรกับผู้หญิง และผมก็ได้รับรู้ว่าแค่ความเปียกแฉะเล็กๆ น้อยๆ นี้มันก็เสียววาบไปถึงท้องน้อง
            ค่อยๆ กดตัวลงมา
            เขาจับเอวของผมแล้วยกขึ้นเล็กน้อยเพื่อให้ร่างกายของผมจะรับความแข็งขืนของเขาได้ ผมเห็นว่าเขาไม่ต้องใช้มือจับมันให้ตั้งขึ้นเลยด้วยซ้ำ แต่มันก็แข็งตัวเพื่อรอรับความอุ่นร้อนภายในตัวของผมได้เป็นอย่างดี เขาค่อยๆ กดตัวผมลงโดยไม่สนสีหน้าเหยเกเพราะความเจ็บของผม เขาทำอย่างที่ตัวเองพูด นั่นคือไม่มีการเล้าโลมใดๆ ทั้งสิ้น ไม่มีแม้แต่จะใช้นิ้วเปิดทางให้เลยด้วยซ้ำ มันไม่เห็นเป็นอย่างที่ผมเคยดูในหนังเกย์เลยสักนิด!
            อาจารย์ชานยอลเองก็ช่วยตัวเองเต็มที่ด้วยการพยายามสวนสะโพกเข้าหาเมื่อส่วนหัวของเขาเข้ามาด้านในได้สำเร็จ ผมรู้ซึ้งถึงความเจ็บปวดของการเริ่มต้น ผมรู้ดีว่าส่วนที่จะทำให้ผมเจ็บแทบบ้ามันเป็นแค่ส่วนหัว เมื่อเข้ามาได้มันก็ไม่ใช่เรื่องยากอะไรอีกที่เขาจะนำมาเข้ามาทั้งหมด
            อะ... อึก... ผมครางติดขัดเมื่อเขาเข้ามาได้จนแทบสุด ร่างกายของผมไม่สามารถรองรับความใหญ่โตของเขาได้จนหมดจริงๆ มันเกินกว่าที่ร่างกายของผมจะทนไหว และดูเหมือนว่าอาจารย์เองก็คงจะเจ็บไม่ใช่น้อยถึงได้หยุดไว้เพียงแค่นั้น
            กัดฟันไว้เด็กดี... เขาพูดเพียงแค่นั้นและเด้งสะโพกขึ้นสวนกับผมที่เขาจับให้ร่อนเอวลงมาพอดิบพอดี
            อ๊า!! มัน... อึก! มันเจ็บ...
            ผมครวญครางเสียงสั่น จิกเล็บทั้งสิบลงบนแผ่นหลังของเขา ผมแทบจะนึกคำพูดไม่ออกเมื่อมันถูกดึงออกไปจนเกือบหลุดแล้วกระแทกเข้ามาใหม่อีกครั้ง ผมกัดฟันอย่างที่เขาบอกเมื่อเขาไม่ได้ฟังเสียงพูดของผมอีก เขามันเอาแต่ใจตัวพ่อ ตะกละตะกลามแต่จะเข้ามาอย่างไม่ยั้งแรงจนอาจจะลืมไปว่านี่เป็นครั้งแรกของผม 
            มันไม่ได้หวานซึ้งอะไรสักนิด มันไม่เหมือนหนังเกย์ที่ผมดู มันไม่เหมือนนิยายที่พระเอกจะจูบเพื่อปลอบประโลม เขาไม่ทำอะไรทั้งนั้นนอกจากกดหัวผมลงบนไหล่ของเขาแล้วยัดเหยียดของตัวเองเข้ามาอย่างเอาแต่ใจ
            มันไม่แปลกเลยกับความฝืดที่ทำให้ผมเจ็บ ร่างกายของผมไม่เหมือนกับผู้หญิงที่จะมีน้ำออกมาหล่อลื่น และอาจารย์ก็คงรู้ดีเขาถึงได้ใส่เข้ามาไม่ยั้ง มันแรงและถี่กระชั้นจนผมหัวสั่นหัวคลอน เขาใช้มือรูดรั้งของผมไปด้วยเพื่อให้ผมเสร็จสมตามที่หวังก่อนที่จะถอนตัวออกไปเพื่อใช้น้ำรักของผมแทนเจลหล่อลื่นที่ไม่มีอยู่บนรถในเวลานี้ เขาเคลือบมันลงบนความใหญ่โตของเขาแล้วสอดแทรกมันเข้ามาอีกครั้ง ซึ่งมันได้ผล... ผมไม่เจ็บเท่าครั้งแรกที่เขาเอามันเข้ามา
            อะ... อาจารย์... จูบผมที... อื้ม...
            เขาทำตามที่ขออย่างไม่บกพร่อง เราประกบปากแนบสนิทและเขาก็กำลังจับเอวของผมให้เคลื่อนไปมาบนตัวเขา บดขยี้ความเป็นชายของเขาที่อยู่ในตัวจนผมสัมผัสได้ถึงความใหญ่โตทั้งหมดที่กำลังเคลื่อนอยู่ในร่างกายของผมอีกครั้ง เขาถอนปากออกไป สั่งผมเสียงแหบสั่นอย่างที่ผมไม่เคยได้ยิน
            แต่มันดูเซ็กซี่จนผมอยากจะทำตัวตะกละกับเขาบ้าง
            ร่อนเอวสิเด็กดี... ทำมัน... บนตัวของผม
            ผมปฏิบัติตามคำสั่งอย่างเคร่งครัด ร่อนเอวไปมาอย่างที่เขาเคยจับเอวของผมไว้แล้วสอนให้ทำเมื่อก่อนหน้านี้ แต่ครั้งนี้คือเขากำลังใช้มือของเขาในการปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตของผมออกไปบ้าง
            ผมสบตากับเขาอย่างขลาดอาย นัยน์ตาของเขายังคงมีอิทธิพลกับผมเสมอและมันก็ยิ่งทำให้ผมต้องการเขามากยิ่งขึ้น... รัตติกาลที่เคยมืดมิดของเขาตอนนี้กำลังสะท้อนเงาของผมแต่เพียงผู้เดียว... ผมวางมือลงบนก้อนเนื้อเรียงตัวสวยงามที่เขาคงจะดูแลมันมาเป็นอย่างดีถึงได้มีสุขภาพและสมรรถภาพที่สมบูรณ์แบบนี้
            จังหวะเดิมๆ ของผมแปรเปลี่ยนเมื่อผมรู้สึกได้ว่าสมองของตัวเองกำลังพร่าเบลอ ผมกดตัวลงยิ่งกว่าเดิมเมื่อเขาลุกขึ้นมานั่งหลังตรงแล้วกอดผมเอาไว้ก่อนจะเด้งสะโพกสวนอีกครั้งเพื่อให้ร่างกายของผมรับความเป็นชายของเขาเข้ามาจนหมดดุ้น ผมเผยอปากคราง ปล่อยเสียงน่าอายออกมาเมื่อรู้สึกเจ็บจนจุก
            เขาพยายามฝืนให้ร่างกายของผมรับมันเข้ามาจนสุด แต่ก็ไม่ปฏิเสธว่าเมื่อปรับตัวได้มันก็รู้สึกดีจนแทบบ้า
            ปล่อยออกมาสิเด็กดี...
            อะ... อึก... อ๊ะ... อาจารย์! อาจารย์!!”
            เด็กดี... อา... เด็กดีของผม...
            เสียงแหบทุ้มของเขาครางอยู่ข้างหูพร้อมกับความถี่รัวที่ทำให้ผมเห็นแสงดาวทอประกายวิบวับตรงหน้า ผมยื่นมือไขว่คว้าก่อนที่จะมันพุ่งเข้ามาจนเห็นแสงสว่างสีขาวโพลน ผมรู้สึกได้ถึงความอบอุ่นที่ฉีดอัดเข้ามาในร่างกาย และสัมผัสได้ถึงของเหลวของตัวเองที่ถูกปลดปล่อยออกมาจนเลอะตามเนื้อตัวของอาจารย์ชานยอลเช่นเดียวกัน
            แฮ่ก...
            ผมหอบครางเมื่อถึงฝั่ง เขาทิ้งตัวลงนอนบนเบาะให้ผมได้นอนบนตัวของเขา ผมสอดแขนเข้าโอบรอบคอของเขาเอาไว้และหลับตาลง รู้สึกเหนื่อยจนอยากจะนอนเสียตรงนี้เมื่อสิ้นแรง ทว่าสิ่งที่ยังเชื่อมอยู่ในตัวของผมมันกลับไม่ยอมอ่อนตัวลงเลยสักนิดถึงแม้จะปลดปล่อยออกมาแล้วก็ตามที
            ฮ่ะๆ ผมหัวเราะอ่อนแรงเมื่ออาจารย์ชานยอลบีบคลึงอยู่กับสะโพกของผมอีกครั้ง อาจารย์หื่นอ่ะ
            เพราะคุณนั่นแหละ
            ผมอยากนอนแล้ว
            เด็กดี...เขาย้ายมือมาลูบศีรษะผมอย่างรักใคร่เอ็นดู คุณพักเถอะ...
            อา...
            ถึงห้องแล้วผมจะปลุกคุณเอง






200%


กลับไปเม้นกันที่เว็บแล้วก็สกรีมแท๊ก #เรื่องนี้ผมสอน กันด้วยน๊า ไม่งั้นงอนจริงด้วย แงงงง